แม้แนวทางของละคร สุภาพบุรุษจุฑาเทพ จะสงบตกต่ำไปตามกาลอวสาน แต่ผลพวงจากละครชุดสุดดังแห่งปีคือการแจ้งเกิดของการอุบัติมากมาย ตั้งแต่ดารานำชายที่กลายเป็นผู้แสดงนำชายเบอร์ 1 อย่าง เจมส์ จิรายุ และเจมส์ มาร์ รวมถึงกระแสของตอนย่อยละครและเพลงต่อเรือละครที่ยังคงถูกพูดถึงอยู่เป็นระยะๆ ส่อว่าน่าจะยังเป็นที่จดจำไปอีกนานทีเดียว ..........
เพลงประกอบละครชุดนี้ มีอยู่เพลงหนึ่งซึ่งหลายคนติดหูและหยุดกับเสียงร้องใสๆ แฝงพลังแบบนักร้องมืออาชีพ หลายคนอดไม่ได้ที่จะต้องสืบเสาะหาเจ้าของเสียงร้องนี้ว่าเธอเป็นใคร และหากได้ย้อนกลับไปดูพระประวัติของเธอคนนี้ก็จะยิ่งพบกับความน่าสนใจ เพราะเธอมีดีกรีที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
แนน สาธิดา พรหมพิริยะ คือเจ้าของเสียงใสๆ ในเพลง ความรัก จากละคร สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ ที่นำมาบรรเลงและเรียบเรียงดนตรีใหม่โดย ทฤษฎี ณ พัทลุง และวงสตริงควินเทท เพลงนี้ ได้อัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 แปลจากบทละครเรื่องเวนิสวาณิช ทำนองเดิมประพันธ์โดย ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร.......... ถึงตรงนี้ หลายคนเริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าจะคุ้นชื่อเธอขึ้นมาบ้างแล้ว และหากเป็นคนที่คลุกคลีในวงการเพลงขึ้นมาอีกหน่อย ก็อาจจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี ในฐานะคนไทยที่สร้างชื่อในเวที World Championships of Performing Arts (WCOPA) หรือ การแข่งขันโอลิมปิกในการประกวดร้องเพลงที่เธอเคยคว้ารางวัลเหรียญทอง 5 รายการจากการแข่งขันครั้งนั้น ก่อนจะทำเพลงร่วมกับสังกัด คลาสซี เรคคอร์ดส์ คือเพลง ทะยานสุดปีกฝัน ในปี 2555
และหากมีใครพอจำได้ แนน สาธิดา ก็เคยเป็นหนึ่งในนักร้องที่เคยออกอัลบั้มเพลงในแนวบอสซาโนวากับศิลปินกลุ่มเล็กๆ ที่รักในแนวเครื่องดีดสีตีเป่านี้ แถมยังเคยร่วมร้องเพลงกับค่าย เลิฟอีส ของ บอย โกสิยพงศ์ มาแล้ว ทว่าผลงานที่ดูจะมีออกมาให้ฟังอย่างสืบเนื่องกับเป็นงานครวญเพลงประกอบละคร อาทิเช่นเพลง กลิ่นแก้วกลางใจ, รู้สึกแย่ (เพลงประกอบละครมาเฟียที่รัก) รวมถึงการร้องคอรัสให้กับศิลปินอีกหลายคน
หนทางสู่การเป็นนักร้องของสาวหวานคนนี้ เธอบอกว่า ทุกอย่างบ่มเพาะมาจากการชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่มารู้ตัวว่าชอบร้องเพลงอย่างจริงจังก็เมื่อตอนอายุ 18 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาตรึงใจทางด้านการร้องเพลง เพราะทางบ้านก็ไม่มีใครร้องเพลงหรือคลุกคลีกับดนตรีแม้แต่คนเดียว แม้แต่ตัวแนนเองก็ยังจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความเก่งเกิดจากจุดมุ่งหมายและใฝ่รู้ ในขณะที่แนนเป็นนิสิตของคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ก็เคยต่อสู้ว่าความในระดับนานาชาติ ก่อนจะค้นพบในภายหลังว่า เธอมีสิ่งที่เธอรักและอยากทำอย่างสุดหัวใจรออยู่ข้างหน้า.........ซึ่งไม่ใช่การเป็นหมอความว่าความ หากแต่เป็นสิ่งที่เธอค้นพบโดยบังเอิญแท้ๆ
แนนเสียงเล็กมากเลยค่ะ เล็กเหมือนการ์ตูน รู้สึกว่าตัวเองอยากมีเสียงเท่ๆ บ้าง อยากเป็นนักกฏหมายที่มีเสียงเท่ๆ ก็เลยไปหาที่เรียนร้องเพลง เอาประเภทเพลงที่ต้องใช้เสียงดังๆ ก็เลยได้ไปเจอกับเพลงแนวโอเปรา ฟังแล้วแนนรู้สึกชอบ ก็เลยไปเรียนขำขำค่ะ
จากความตั้งใจแค่อยากเป็นทนายเสียงเท่ไม่ได้คิดจะเอาดีทางการร้องเพลงแม้แต่น้อย การเรียนร้องเพลงแนวโอเปร่าครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 18 ปี กลับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต
แนนเริ่มเรียนร้องเพลงครั้งแรก กับ ครูต้น-เนติ กันตถาวร ค่ะ ใช้เวลา 1 ปีเต็มๆ ก่อนจะมีโอกาสได้ไปแข่ง CU Singing Contest และเพื่อการสอบด้านการร้องเพลง ในระดับ LLCM ซึ่งเป็นการสอบจากสถาบัน London College of Music and Media ในปี 2006 ตอนนั้นมีเวลาแค่หนึ่งเดือน อาจารย์ทั้งเคี่ยวเข็ญ เราก็ได้ถ้วยรางวัลชนะเลิศมาค่ะ .........การได้แชมป์ในการแข่งขันครั้งนั้นแนนเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไรเหมือนกันที่ทำให้ได้รับรางวัลมา เพราะในการแข่งขันมีคนเก่งๆ เยอะมากๆ ค่ะ แนนเองคิดว่าคงเป็นเพราะความโชคดีของแนนด้วยมั้งคะ
เวทีของแนนเริ่มเล็กเกินไป ทั้งๆ ที่ไม่ใช่นักร้องประเภทเดินสาย แถมยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญระดับมือโปร จากคนที่ดูไม่น่าจะมีแววทางด้านการร้อง กลับฉายแสงส่องภายในเวลาเพียงข้ามคืน ก่อนที่ แนน จะได้ไปยืนสง่าพร้อมธงชาติไทยในการประกวดระดับโลก
ไม่เคยคิดว่าไปแล้วจะต้องคาดหวังสิ่งตอบแทนหรืออะไรกลับมา ครั้งนี้ไปประกวดด้วยความเครียด กดดัน เพราะเมื่อคุณได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีชื่อของเราจะต้องมีคำว่า Thailand ต่อท้ายด้วย เราไปในนามประเทศนะ
แนนเลือกเพลงที่เข้ากับเสียงร้องค่ะ เพราะว่าเวลาแข่งขันหนึ่งนาที เแนนก็เลือกร้องเพลงป็อป เพราะแนนอยากนำเสนอในมุมของแนน แล้วผู้ชี้ขาดคงตกใจที่ได้ฟังอีกมุมหนึ่งที่ไม่เหมือนกับต้นฉบับร้องกัน แนนคิดว่าถ้าเราได้ร้องในสิ่งที่ตนเองเชี่ยวชาญมากที่สุดมันจะง่าย
ประสบการณ์บนเวทีระดับโลกในครั้งนี้ทำให้แนนได้เรียนรู้และได้ลองฝึกฝนกับ มืออาชีพ .........ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การฝึกฝนแบบตัวต่อตัว ภาพรวมแล้วเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ได้เจอครูที่ดี บางครั้งแนนก็เคยอ่านหนังสือที่หลายคนเขียนมาก่อน เมื่อได้สัมผัสกับตัวจริงๆ ก็ทำให้ดีใจมากค่ะ สำหรับเมืองไทยแล้ว มีอาจารย์หลายท่านที่มีความสามารถแต่ไม่มีใครรู้จัก สามารถเทียมเท่ากับต่างชาติได้
น้ำเสียงอันทรงพลังของผู้หญิงร่างเล็กคนนี้ ทำให้คณะกรรมการชาวต่างประเทศทึ่งกับน้ำเสียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมานะมาตั้งแต่ต้น ปรากฎผลขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเธอคว้ารางวัลเหรียญทองในการประกวดมาทั้งหมด 5 รายการที่เธอลงแข่งขัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การฝึกฝนแบบตัวต่อตัว แต่ในภาพรวมแล้วเป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตของเธอเอง
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ในความเพียรของคนๆ หนึ่ง ไม่มีอะไรที่ยากเกินไขว่คว้าเลยจริงๆ